ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ของธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะเติบโตได้ 3.4% จากการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมช่วง 5 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ 10.7 ล้านคน เติบโตดีกว่าที่เคยประเมินไว้เดิม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 66 มีโอกาสจะแตะระดับ 29 ล้านคน สูงกว่า 27.1 ล้านคนที่เคยคาดการณ์ ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ด้านการส่งออกไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง หลังมูลค่าการส่งออกล่าสุดในเดือนพ.ค. 66 หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 โดยติดลบ -4.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เศรษฐกิจโลกชะลอลง จีนฟื้นแผ่ว ดอกเบี้ยกดดันครึ่งปีหลัง
ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 66 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน ภาคการผลิตของกลุ่มเศรษฐกิจหลักหดตัวต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณชะลอลงของภาคบริการในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ประกอบกับการฟื้นตัวของจีนแผ่วลงกว่าที่เคยคาด
นอกจากนี้ธนาคารกลางหลักฝั่งตะวันตกต่างมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและถือเป็นความเสี่ยงต่อการส่งออกไทยต่อไป โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปี 66 จะหดตัว -1.6% เทียบจากปีก่อนที่สามารถขยายตัวได้ 5.5%
อย่างไรก็ตาม แรงส่งของภาคการท่องเที่ยวรวมทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น จะหนุนการจ้างงาน และอุปสงค์ภายในประเทศให้สามารถประคับประคองการฟื้นตัวได้ต่อไปในช่วงที่เหลือของปี 2566
“กสิกรไทย” คงเป้าจีดีพี 3.7% รอรัฐบาลใหม่ชัดเจน จับตาจีนเศรษฐกิจหดตัวกระทบอาเซียน
“กรุงศรี” คงเป้าจีดีพีไทยโต 3.3% การเมืองกระทบเศรษฐกิจ คาดเงินบาทสิ้นปี 33.75
ไทยเสี่ยงรอบด้าน เหลือ “ภาคท่องเที่ยว” เครื่องยนต์หลักเศรษฐกิจ
Krungthai COMPASS มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะปัจจัยด้านลบที่รุมเร้ามากขึ้นจากการค้าโลกที่อาจชะลอตัวกว่าคาด และมีโอกาสที่เขตเศรษฐกิจหลักบางส่วนจะประสบภาวะหดตัวในปลายปีนี้ รวมถึงภาวะการเงินยังตึงตัวจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง
สำหรับปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย อาจส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนภาครัฐให้ล่าช้า รวมถึงสถานการณ์ดังกล่าวอาจกระทบต่อบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเพียงเครื่องยนต์หลักตัวเดียวของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ และจำเป็นต้องติดตามพัฒนาการของปัจจัยดังกล่าวและประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป ขณะที่ภาคธุรกิจจำเป็นต้องวางแผนรองรับเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง